อบจ.ศรีสะเกษ ร่วมงานรัฐพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
1 ต.ค. 2568
รายละเอียด:
อบจ.ศรีสะเกษ ร่วมงานรัฐพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 นายวิชิตไตรสรณกุล มอบหมายให้ นางฑิมาภรณ์ แก้วกันเนตร์ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
นำข้าราชการ พนักงานสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมี นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี และมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการศาล ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกิจกรรมดังต่อไปนี้เวลา 06.30 น. ร่วมพิธีสวดพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณอาคารศูนย์อารยธรรม ๓ แผ่นดิน ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษเวลา 09.00 น. ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสดุดี ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช ๒๓๔๗ ณ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งมหาจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2394 ขณะนั้นพระชนมายุ 47 พรรษาและเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2511 สิริพระชนมพรรษาได้ 64 พรรษา นับเป็นเวลาที่ทรงปกครองสยามประเทศได้ 17 ปี พระองค์ทรงเป็นวีรกษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถอีกพระองค์หนึ่ง ทรงเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง และประเพณีอันล้ำสมัย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมครั้งแรกของประเทศ ทรงใช้พระบรมราโชบาย ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ดังที่ทรงมีพระราชดำรัสว่า "อย่าติดของเก่า อย่าตื่นของใหม่ จงคิดหาดีในของเก่าและของใหม่" ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญ ได้แก่ ทรงแก้ไขธรรมเนียมข้าราชการเข้าเฝ้าให้สวมเสื้อเช่นประเทศตะวันตก ทรงทำสัญญาทางพระราชไมตรีและการต่างประเทศกับชาติตะวันตก (สนธิสัญญาเบาว์ริง) ทรงนำสยามรอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของตะวันตก ทรงสนพระทัยเรียนรู้ภาษาตะวันตกและวิชาการของตะวันตก เช่น วิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ จนทรงสามารถทำนายการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้อย่างแม่นยำ จนได้รับการขนานพระนามว่า "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" ทรงครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรมและพระปรีชาสามารถอย่างล้ำเลิศ ทรงเป็นทั้งพระเจ้าแผ่นดินและพระบิดาของปวงชนชาวไทย ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่หลายประการ อันเป็นพระราชดำริริเริ่มที่ บังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นประโยชน์สุขต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างยิ่ง สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รูปภาพ
ไฟล์เอกสาร